วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2555

โครงงานตัวอย่าง ตอนที่ 1


ตัวอย่าง โครงงาน วิชาไมโครโพรแซสเซอร์

เรื่อง  ทำเครื่องช่างน้ำหนักพร้อมแสดงผลและติดต่อกับผู้ใช้งาน


เซนเซอร์ Load cell          
โหลดเซลล์(Load cell) คือเซนเซอร์ที่สามารถแปลค่าแรงกดเป็นแรงดึง เป็นสัญญาณทางไฟฟ้าได้ เหมาะสำหรับการทดสอบคุณสมบัติทางกลของชิ้นงาน(Mechanical Properties of Parts) โหลดเซลล์ถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท ได้แก่ ตราชั่งน้ำหนัก การทดสอบแรงกดของชิ้นงาน การทดสอบความแข้งแรงของชิ้นงาน การทดสอบการเข้ารูปชิ้นงาน(Press fit)ใช้สำหรับงานทางด้านวัสดุ โลหะ ทดสอบโลหะ ชิ้นส่วนรถยนต์ วิศวกรรมโยธา ทดสอบคอนกรีต ทดสอบไม้ และอื่นๆ
การแสดงคุณลักษณะของโหลดเซลล์ที่สำคัญอีกตัวหนึ่งคือเอาต์พุตที่พิกัดใช้งาน (Rated capacity) (หรืออาจจะเรียกว่าความไว)แสดงในหน่วยของ  mV/V  ซึ่งหมายถึงแรงเคลื่อนแตกต่างของเอาต์พุตที่ออกจากขาของวงจรบริดจ์ เกิดจากโหลดเต็มสเกลสำหรับแต่ละโวลต์ที่จ่ายแรงเคลื่อนกระตุ้น
หลักการทำงานของ Load cell
                การทำงานของ Load cell เป็นการประยุกต์การทำงานของสเตรนเกจเพื่อวัดน้ำหนักหรือแรง   โดยStrain gauge จัดเป็น ทรานสดิวเซอร์ชนิดหนึ่งซึ่งมีหลักการพื้นฐานคือ อาศัยหลักการเปลี่ยนแปลงค่าความต้านทานไฟฟ้าที่เกิดจากความเครียดภายในวัสดุอันเนื่องมาจากความเค้น(Stress)ที่มากระทำต่อวัสดุ การที่วัสดุมีความเครียดหมายถึงวัสดุได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างไปจากเดิม จึงนิยมนำมาประยุกต์ใช้ใน การตรวจสอบน้ำหนัก การสั่นสะเทือน และแรงบิด  

                ความเครียด(Strain) หมายถึง การเปลี่ยนแปลงรูปร่างของวัสดุต่อหน่วยความยาว จะเกิดขึ้นเมื่อวัสดุนั้นถูกแรงดึงหรือแรงกดอัดทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง สามารถหาค่าความเครียดได้จากสมการ
เมื่อ          
                ความเค้น (Stress) หมายถึง แรงต้านทานภายในเนื้อวัสดุที่มีต่อแรงภายนอกที่มากระทำต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่แต่ โดยใช้เหตุผลว่าแรงกระทำภายนอกมีความสมดุลกับแรงกระทำจากภายในสามารถหาค่าความเค้นได้จากสมการ
เมื่อ                        
                           
                                                                         
ความสัมพันธ์ระหว่างความเค้นกับความเครียด
            ความสำคัญของการวัดความเครียดได้เริ่มขึ้นเมื่อ Hooke ได้ค้นพบว่าในวัสดุหลายชนิดที่มีขนาดจำกัดนั้นจะมีอัตราส่วนระหว่างความเค้นกับความเครียดเป็นค่าคงที่ซึ่งเป็นอัตราส่วนระหว่างความเค้นและความเครียดของกฎของ Hooke เรียกว่าดัชนีการยืดหดตัวของวัสดุ( Modulus of Elasticity of Material) หรือเรียกว่า Young’ Modulus โดยแสดงโดยสมการ
เมื่อ                        
                           
                             
การแสดงความสัมพันธ์ความเค้นความเครียดจะได้เส้นโค้งความเค้น ความเครียด(Stress-Strain Curve) ซึ่งได้จากการทดสอบแรงดึง (Tensile Test) ดังรูป

รูปที่1ความสัมพันธ์ระหว่างความเค้นและความเครียด
จากความสัมพันธ์ความเค้นความเครียดมีจุดที่ควรพิจารณาดังนี้
·       ช่วงเริ่มต้นของกราฟเป็นเชิงเส้น หรือมีความชันคงที่จนถึงจุด A ที่จุด A เรียกว่า Proportional Limit
·       จากจุด A ถึงจุด B นั้นวัสดุอยู่ในขอบเขตของการยืดตัวและสามารถกลับคืนสู่สภาวะปรกติได้เมื่อไม่มีแรงมากระทำ
·       จุด B เป็นจุดล้า (Yield Point) ของโลหะ เมื่อวัสดุถูกยืดถึงจุด B วัสดุนั้นจะไม่สามารถกลับไปสู่ความยาวปกติถึงแม้จะไม่มีแรงมากระทำก็ตาม

รูปที่ 2ลักษณะและทิศทางของวัสดุของแท่งโลหะภายใต้แรงดึง
                การเปลี่ยนแปลงรูปร่างของแท่งโลหะภายใต้แรงดึง แสดให้เห็นถึงความยาวที่เพิ่มขึ้นคือ  และพื้นที่หน้าตัดที่ลดลงเท่ากับ  เมื่อมีความเครียดเกิดขึ้นในแนวแกน(Axial )ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับแรงที่มากระทำ และความเครียดที่เกิดขึ้นในแนวขวาง(Transverse) โดยมีทิศทางที่เป็นลบเนื่องจากพื้นที่หน้าตัดจะลดลงเมื่อมีแรงดึง ซึ่งอัตราส่วนระหว่างความเครียดกับแนวแกนและความเครียดแนวขวางจะเรียกว่า Poisson’s ratio( )





รูปที่ 3แสดง Load cell ที่ใช้ในโครงงาน